ประวัติฮ่องเต้จีน

หัวข้อ

ประวัติฮ่องเต้จีน

ประวัติฮ่องเต้จีน ในบรรดาจักรพรรดิที่โดดเด่นของจีนซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุจากจักรพรรดิองค์ที่หนึ่งแห่งนิรันดร หลักฐานที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ “สุสานจิ๋นซี” หรือกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์ฉิน ต่างก็แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกำลังแรงงาน แต่เมื่อพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่องค์แรกของจีน ยังมีความลึกลับอีกมากมายที่รายล้อมอยู่

ความลึกลับประการแรกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากการซักถามบิดาของเขา ซึ่งอ้างว่าแท้จริงแล้วคือ Zi Yi (Yi Ren) ชาวเมือง Qin ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันในเมือง Zhao หรือ Liu Fuwei มหาเศรษฐีจาก Yangzhai (ปัจจุบันคือ Yu County, Henan Province) ซึ่งค้าขายใน Handan เมืองเดียวกับ Ying Zheng หรือที่ Ying Zheng เกิด (ชื่อเดิมของ Qin Shi Huang คือ Ying Zheng หรือ Ying Zheng หรือบางตำรา อ้างถึงจิ๋นซีฮ่องเต้ (จากวิธีที่จักรพรรดิออกเสียง “จักรพรรดิเหลือง” ในภาษาจีน)

Ying หมายถึง “ชัยชนะ” และ Zheng หมายถึงการเมืองและการปกครอง การโต้เถียงเริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของ Liu Fuwei พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ที่รู้จัก Shii ตัวประกันของนักประวัติศาสตร์ Qin ได้ถกเถียงกันในประเด็นนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามนักวิชาการบางคนเชื่อว่ามันมาจากการระบุสาเหตุของความคลุมเครือนี้ บันทึกประวัติศาสตร์โดย Sima Xian ขัดแย้งกับชีวประวัติของจักรพรรดิ Qin Shi Huang ในชีวประวัติของ Liu Fuwei นักประวัติศาสตร์และนักเขียนแห่งราชวงศ์ฮั่น

ฉันไม่ต้องการพูดถึงปัญหาสัญชาติที่นี่ อย่างไรก็ตาม จากการสนทนาข้างต้น เราได้นำเสนอภาพลึกลับของชีวประวัติของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ล้อมรอบหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ปัญหาของนักบวชเท่านั้น ฉันยังคงมีคำถามเกี่ยวกับน้องชายของฉัน

โดยทั่วไปมีบันทึกจารึกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในยุคต่างๆ ของจีน อย่างน้อยก็บันทึกพระราชวังในยุคหลัง ปรากฏชื่อสนมของวังหลาง แต่หลี่ไคหยวน นักประวัติศาสตร์คนสำคัญ สงสัยว่าจิ๋นซีฮ่องเต้จะกลายเป็นจักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน ไม่มีการบันทึกข้อมูลในเอกสารประวัติศาสตร์

ประวัติฮ่องเต้จีน ตลอดระยะเวลาสองพันปีที่ผ่านมา

ประวัติฮ่องเต้จีน สิ่งที่จะเป็นผลประจักษ์มากกว่าคือผลงานของแคว้นฉินที่รวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น จิ๋นซีฮ่องเต้ดำเนินนโยบายการปกครองปักรากลงฐานระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รวมอำนาจเข้าศูนย์กลาง ตั้งรากลงอย่างมั่นคง และยังกลายเป็นอิทธิพลที่มีต่อสังคมศักดินาของประเทศจีน

ขณะที่การบอกเล่าเรื่องฮองเฮาของจิ๋นซี (จิ๋นซีฮองเฮา) และเรื่องวังหลังของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็แทบไม่ปรากฏในเอกสารประวัติศาสตร์ เมื่อค.ศ. 2007 ปีเดียวกับที่มีข่าวครั้งขุดพบหลุมฝังพระศพของเซี่ยไทเฮา พระอัยยิกา (ย่า) ของจิ๋นซีฮ่องเต้ วาระนั้นเองที่หลี่ไคหยวน ลงพื้นที่สำรวจร่องรอยซากโบราณอันอาจเกี่ยวข้องกับสตรีเพศที่รายล้อมจิ๋นซีฮ่องเต้ สุสานฉินด้านตะวันออก สุสานของเชื้อพระวงศ์ต่างๆ ล้วนตรงกับจารีตประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติ มีเพียงสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ซึ่งตั้งโดดเดี่ยวอย่างยิ่งใหญ่โดยไม่มีหลุมฝังพระศพหรือสุสานฮองเฮาอยู่เคียงข้าง

พระองค์อาจไม่ได้สถาปนาฮองเฮา

หลี่ไคหยวน ร่างสาเหตุสมมติว่าด้วยสมมติฐานที่พระองค์ไม่ได้สถาปนาฮองเฮาขึ้น หากเป็นเพราะพระองค์ครอบครองพระราชวังหลังมากมาย มีพระสนมกำนัลในมหาศาลเกินไป ไม่อาจใช้พระวินิจฉัยได้ว่าจะสถาปนาใครขึ้นมาเป็นฮองเฮา

แต่เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว ราชวงศ์ฉินแม้จะกินเวลาไม่ยาวนานนัก แต่ก็มีระเบียบ มีกฎมณเฑียรบาลกำหนดแน่ชัด ย่อมไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งฮองเฮาโดยตรง การสถาปนาฮองเฮานั้น เป็นระเบียบที่กำหนดเพื่อสืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาทท่านอ๋อง รวมถึงเป็นระเบียบที่กำหนดหลักปฏิบัติในพระราชวังหลัง

ทรงเชื่อเรื่องชีวิตเป็นอมตะไม่แก่เฒ่า

กระแสร่ำลือเกี่ยวกับจิ๋นซีฮ่องเต้ประการหนึ่งบอกเล่ากันว่า พระองค์ทรงเชื่อนักพรตฤาษีเรื่องชีวิตอมตะ เนื่องด้วยคติความเชื่อนี้พระองค์จึงยืดการแต่งตั้งฮองเฮาออกไป เมื่อหลี่ไคหยวน ตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องบอกเล่าข้างต้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นหลังพระกรณียกิจรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง เข้าใกล้วัยชราภาพแล้ว ตามธรรมเนียมราชวงศ์ฉิน อ๋องฉินจะทรงสถาปนาอ๋องเฮาอย่างเป็นทางการหลังขึ้นครองราชย์บริหารรัฐด้วยพระองค์เองไม่นานนัก บางแห่งเชื่อไม่เกิน 3 ปีหลังครองราชย์ มักพบว่าจะทรงแต่งตั้งในช่วงทรงพระเยาว์วัยหนุ่มสาวพระชมมายุ 20 กว่าชันษาโดยประมาณ บางตำราบอกว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ 13 (คิดเดอร์ และออปเพนไฮม์, 2010) แต่บางแห่งบอกว่าพระองค์ขึ้นปกครองเมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วไม่ค่อยรอจนถึงพระชนมายุ 40-50 (พระองค์สวรรคตขณะพระชนมายุ 50 พรรษา)

ความสัมพันธ์กับพระมารดา

ข้อมูลอีกด้านหนึ่งบางกลุ่มยกขึ้นมาคือเรื่องพระมารดาของพระองค์ทรงมีพระจริยาวัตรไม่ค่อยงาม ในกรณีนี้เรื่องมีว่า ทรงเลี้ยงดูเมี่ยนโส่ว (ชายขายบริการ) จิ๋นซีฮ่องเต้จึงทรงกดดันขับไล่พระมารดาออกนอกนครหลวงเนื่องจากทรงเคียดแค้นชิงชังพระมารดาและพัฒนากลายเป็นปมความเกลียดชังเพศหญิง พระองค์จึงผัดผ่อนการแต่งตั้งฮองเฮาออกไป

หลี่ไคหยวน อธิบายว่า “เป็นเรื่องจริงที่พระมารดาของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ทรงเลี้ยงดูเมี่ยนโส่ว(นาม)เล่าไอ่ และทรงให้กำเนิดพระบุตรส่วนพระองค์ ส่วนจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ทรงเคยขับไล่ไสส่งพระมารดาออกนอกวังหลวงจริงๆ” อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ทรงได้รับคำกราบทูลเตือนเรื่องความมั่นคงทางการเมือง พระองค์ก็รีบนำตัวพระมารดานิวัตินครหลวง พร้อมฟื้นความสัมพันธ์

สำหรับผู้ที่ยังค้างคาเรื่องไทเฮาเลี้ยงดูเมี่ยนโส่วนั้น ในช่วงเวลาของรัฐฉินมีเรื่องราวลักษณะนี้มากหลาย เซวียนไทเฮา พระมารดาของพระไปยกา (ปู่ทวด) ของจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงมีพระบุตรสององค์กับอี้ฉวี่อ๋องผู้มาจากต่างรัฐซึ่งอาศัยพำนักในรัฐฉิน จึงพอกล่าวได้ว่า ไม่พบมูลเหตุอะไรที่น่าเชื่อถือหรือเกี่ยวพันกันกับสมมติฐานเรื่องไม่พอพระทัยพระมารดาจนชิงชังสตรี

หลักฐานที่พอจะเชื่อมโยง

เมื่อพิจารณาจากข้อสมมติฐานจากการคาดคิดเหล่านั้นแล้ว น่าจะพอเห็นได้ว่าไม่มีน้ำหนักเพียงพอ หลี่ไคหยวน จึงบ่งชี้ว่า เบาะแสที่พอจะเป็นเส้นด้ายเล็กๆ ให้พอสืบสาวไปถึงข้อมูลอื่นๆ คือเบาะแสอันเกี่ยวกับพระราชวังหลังซึ่งหลี่ไคหยวน สืบเสาะเอกสารประวัติศาสตร์ว่าด้วยพระราชวังหลังของจิ๋นซีฮ่องเต้ พบเพียงแค่ข้อความเดียวเท่านั้นจากเอกสาร “บันทึกประวัติศาสตร์ : บันทึกพื้นฐานพระประวัติจิ๋นซีฮ่องเต้” ข้อความรัชศกจิ๋นซีฮ่องเต้ ปีที่ 37 มีใจความว่า

“เดือน 9 ฝังพระศพจิ๋นซีฮ่องเต้ที่หลีซาน…ฉินรัชกาลที่ 2 ตรัสว่า : ‘วังหลังของฮ่องเต้พระองค์ก่อนผู้ไร้พระบุตรพระธิดา ไม่เหมาะที่จะปล่อยออกนอกวัง’ จึงทรงมีรับสั่งให้ฝังทั้งเป็นตายตามฮ่องเต้ทั้งสิ้น ผู้สิ้นพระชนม์ตามนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก”

 

บทความที่เกี่ยวข้อง